ค้นหาบล็อกนี้

วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ผ่อนหนี้เท่าไหร่... ไม่หนักเกินไป



ในยุคที่ “หนี้” กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนส่วนใหญ่ “การมีหนี้” จึงไม่ใช่เรื่องเสียหายร้ายแรง อีกต่อไปหากรู้จักควบคุมหนี้ให้พอเหมาะพอดี เพราะ “หนี้” ไม่ต่างอะไรกับไขมันในเส้นเลือด หากปล่อยให้มีมากเกินไป ย่อมเป็นอันตรายต่อสุขภาพ (ทางการเงิน) ของตัวคุณเอง 
 
ลองมาดูกันว่า... ในแต่ละเดือน เราควรชำระหนี้ประมาณเท่าไหร่จะได้ไม่เป็นภาระมากจนเกินไป

1.หนี้บัตรเครดิต
พยายามควบคุมการรูดบัตรและการชำระหนี้อื่นๆ อย่างสินเชื่อส่วนบุคคลหรือผ่อนสินค้า ไม่ให้เกิน 10% - 20% ของรายได้

2.หนี้ผ่อนบ้าน
ค่าใช้จ่ายในการผ่อนบ้านที่เหมาะสม ไม่ควรเกิน 30% ของรายได้ แต่ถ้าคุณไม่มีภาระหนี้สินอื่นๆ ก็สามารถ
เพิ่มเป็น 50% ได้ เพราะยิ่งคุณผ่อนมากเท่าไหร่ หนี้ก็ยิ่งหมดเร็วเท่านั้น

3.หนี้ผ่อนรถ
จำนวนเงินที่ใช้ผ่อนรถในแต่ละเดือน ควรอยู่ราวๆ 20% ของรายได้ หากมากกว่านี้อาจหนักเกินไป

4.หนี้สินรวม
ไม่ว่าคุณจะกู้ซื้อบ้าน กู้ซื้อรถ เป็นหนี้บัตรเครดิต หรือหนี้สายพันธุ์ไหนก็ตาม ไม่ควรให้เงินที่ต้องจ่ายหนี้ทั้งหมด
เกินกว่า 50% ของรายได้ 

ในแต่ละเดือนคุณชำระหนี้สินทั้งหมดเท่าไหร่? มากกว่า 50% หรือเปล่า?

http://investment290222.blogspot.com/

http://health-tu.blogspot.fr/

7 เทคนิคเพิ่มเงินออม


1.ออมทีละน้อย ค่อยๆ ออมไม่ต้องรอมีเงินเยอะๆ แล้วจะออมเยอะๆ ยิ่งเงินน้อย ยิ่งต้องรีบออม 

2.เริ่มออมให้เร็วที่สุด เพื่อสร้าง Money Snowball ก้อนโตๆ จากระยะเวลาการออม

3.สร้าง “บัญชีต้องห้าม” เป็นบัญชีเงินออมโดยเฉพาะเพื่อลดการถอนเงินออกมาใช้ตามอำเภอใจ 

4.กำหนดตารางการออม คือ ทำเป็นประจำจนเป็นนิสัย เช่น ทุกวันศุกร์ ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน

5.เปลี่ยนงานอดิเรกให้เป็นเงินโดยใช้พรสวรรค์บวกความมุ่งมั่นเพื่อเพิ่มเงินออมและความสุขใจ 

6.ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เพื่อลดการฟุ้งซ่านจากความอยากได้และลดเวลาในการ Shopping
 
7.เปรียบเทียบหาผลตอบแทนที่ดีที่สุด เพื่อไม่ให้เงินออมต้องสึกหรอไปเพราะเงินเฟ้อ

เทคนิคทั้ง 7 ข้อนี้ หากตั้งใจทำจริงจัง รับรองไม่มีข้อใดยากเลยในการเพิ่มเงินออมให้เติบโตอย่างที่ตั้งใจ


เงินออมของคุณล่ะ... เติบโตอย่างที่ตั้งใจไว้หรือไม่

 http://health-tu.blogspot.fr/
 

พลังแห่งดอกเบี้ย... เพียงวันละ 20 บาท ก็มีเงินแสนได้


ทราบหรือไม่... ว่าคุณสามารถมีเงินแสนได้ ด้วยการออมเพียงวันละ 20 บาท หรือเดือนละ 600 บาท
 
เงิน 600 บาทนั้น คุณใช้แป๊ปเดียวก็หมดแล้ว แต่ถ้าคุณไม่ใช้ แถมยังฝากธนาคารทุกเดือนอย่างสม่ำเสมอ โดยได้รับดอกเบี้ย 2% ต่อปี... ภายใน 1 ปี คุณจะมีเงินเก็บถึง 7,344 บาท และหากคุณออมต่อไปเรื่อยๆ อีกเพียง 15 ปี คุณจะมีเงินเกือบ 130,000 บาท โดยไม่ทันรู้ตัว!!!

ด้วยเงินออมเพียง 20 บาทต่อวัน ไม่ใช่เรื่องยากเลย... สำหรับนักออมมือใหม่อย่างคุณ แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ
วินัยในการออมของนักออม” เมื่อทราบเช่นนั้นแล้ว ก็ควรเร่งทำการออม เพื่อจะได้เป็นเศรษฐีในอนาคต

วันนี้คุณเริ่มออมเงินวันละ 20 บาทแล้วหรือยัง
 
http://investment290222.blogspot.com/

http://health-tu.blogspot.fr/

ศัตรูของเงินออม


ในยุคที่ข้าวของทุกอย่างพร้อมใจกันปรับขึ้นราคาอย่างนี้ นอกจากต้องระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายแล้ว คุณยังควร เก็บออมเงินไว้ใช้จ่ายในอนาคตด้วย แต่ก่อนจะออม... ลองมาทำความรู้จักกับ “ศัตรูของเงินออม” กันก่อนดีกว่า
จะได้เตรียมรับมือเสียตั้งแต่เนิ่นๆ

เงินเฟ้อ
เป็นตัวกัดกร่อนค่าของเงินให้ลดลง ศัตรูตัวนี้คุณไม่สามารถกำจัดได้ แต่คุณสามารถเอาชนะได้ด้วยการออม หรือการลงทุนที่ให้อัตราผลตอบแทนโดยเฉลี่ยสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ 

เหตุการณ์ไม่คาดฝันหรือเหตุฉุกเฉิน

ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ เจ็บไข้ได้ป่วย ไฟไหม้ รถชน ฯลฯ ที่อยู่นอกเหนือแผนการใช้เงิน มีหลายคนที่เงินออมที่เก็บ สะสมมาตลอดชีวิตต้องหายเกลี้ยงเพราะเรื่องเหล่านี้ แต่คุณสามารถปกป้องชีวิตและเงินออมของคุณได้ด้วยการ
ทำประกัน

ความไม่มีวินัยในการออม

เป็นสิ่งที่เกิดจากตัวเราเอง สามารถกำจัดได้แต่ยาก เพราะถูกฝังรากจนกลายเป็นนิสัย ทางแก้ที่ทำได้ คือ
ต้องออมให้เป็นเหมือนหน้าที่ที่ต้องทำทุกวัน 

ความโลภ

บางคนโลภมาก อยากได้ผลตอบแทนสูงๆ จึงนำเงินทั้งหมดไปลงทุนในสิ่งที่มีความเสี่ยงสูงจนต้องกลับมาเริ่มต้นออมใหม่ ทางเดียวที่จะรักษาเงินออมของคุณให้ปลอดภัยได้ คือ ต้องรู้จักพอ รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และรับ
ความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน

คุณคิดว่าศัตรูของเงินออมตัวไหนน่ากลัวที่สุดสำหรับคุณ?

http://investment290222.blogspot.com/

http://health-tu.blogspot.fr/
 

ทำไมต้องวางแผนการเงิน



เพราะ “เงิน” มีบทบาทสำคัญไม่เฉพาะการเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน หรือเป็นเครื่องวัดค่าสิ่งของต่างๆ แต่เงินยังสามารถสะสมเพื่อเพิ่มค่าได้ในอนาคต “การวางแผนการเงิน” อย่างเหมาะสมจะช่วยให้เราสามารถ จัดการกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการบรรลุเป้าหมายชีวิต

และเพราะ “เงิน” เข้ามามีส่วนช่วยอำนวยความสะดวกในการหาซื้อสิ่งของ
จำเป็นสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน เราจึงควรให้ความสำคัญกับการวางแผนการเงิน
เหมือนเป็นกิจกรรมหนึ่งในชีวิตประจำวัน เพื่อให้มีชีวิตที่ดี และมีความสุข
ในบั้นปลายชีวิต

อาจเป็นเพราะคนส่วนใหญ่ค้นเคยกับ “การใช้เงิน” ก่อนที่จะ “หาเงินได้”
โดยพ่อแม่ ผู้ปกครอง ให้เงินเราใช้ตั้งแต่เรายังเป็นเด็ก เราจึงมีความสุขจากการ
ใช้เงินทั้งที่ยังหาเงินไม่ได้ ต่อมาเมื่อเราหาเงินได้เองการจากทำงาน
ปัญหาทางการเงินจึงเกิดขึ้น เพราะคิดว่าการหาเงินได้มากขึ้นจะสร้างความสุข
ความสะดวกสบายในชีวิตได้มากขึ้น แต่กลายเป็นว่าเงินที่หาได้เพิ่มขึ้น
กลับไม่เคยเพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเลย

 
การไม่รู้จักบริหารจัดการค่าใช้จ่ายของตนเองให้เหมาะกับเงินที่หามาได้ การใช้เงินโดยไม่มีเป้าหมาย
ทางการเงินอย่างเหมาะสม การไม่รู้จักทางเลือกในการรักษาและเพิ่มมูลค่าของเงิน รวมทั้งความไม่มีวินัยทางการเงินอาจทำให้เราต้องทำงานหนักไปตลอดทั้งชีวิตเพียงเพื่อให้มีเงินใช้จ่ายเฉพาะหน้า

การวางแผนการเงินเป็นทักษะชีวิตที่จำเป็นสำหรับทุกคน เราควรมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการวางแผนการเงินของตนเองอย่างรอบด้าน ทั้งในการหาเงิน การใช้เงิน การเก็บรักษา และการเพิ่มมูลค่าเงินอย่างชาญฉลาด ทีสำคัญเราต้องลงมือปฏิบัติ เพื่อสร้างนิสัยทางการเงินที่ดี... ใครอยากสบายทั้งในวันนี้และวันข้างหน้า คงต้องเริ่มวางแผนการเงินตั้งแต่เดี๋ยวนี้

คุณล่ะ... คิดจะวางแผนการเงินบ้างหรือยัง?


http://health-tu.blogspot.fr/

วางแผนการเงิน... เริ่มต้นอย่างไร


 คนส่วนใหญ่พอจะไปเที่ยวก็เริ่มจินตนาการไปไกล... อยากไปเที่ยวไหน จะไปกับใคร จะไปอย่างไร จะพกเงิน


ไปเท่าไหร่ จะไปกี่วัน ฯลฯ สารพัดสารพันคำถามที่ผุดขึ้นมาในสมอง หากใครที่เตรียมตัวและวางแผนมาอย่างดี ย่อมได้ชมของดี ได้ชิมของดัง ทั้งยังไม่พลาดจุดสำคัญต่างๆ เรียกได้ว่าเที่ยวกันอย่างคุ้มค่าเลยทีเดียว

การวางแผนการเงิน” ก็เหมือนกับการวางแผน
ท่องเที่ยวที่ต้องมีจุดสตาร์ทในใจก่อน จึงจะสามารถเดินทาง สู่เป้าหมายที่ต้องการได้โดยไม่หลงทาง ซึ่งขั้นตอนการวางแผนก็ไม่่ยากเย็นอะไร เพียงเริ่มจาก...

สำรวจตนเอง” เพื่อให้รู้ว่า “ตอนนี้สุขภาพทางการเงินของเราเป็นอย่างไร” ฟิตหรือฟุบ “แล้วสถานะทางการเงิน ล่ะ... เป็นอย่างไร” เงินออมท่วมหรือหนี้ท่วม

ต่อมาจึงเริ่ม “กำหนดเป้าหมาย” เพราะเป้าหมายจะคอยนำทางให้คุณไปสู่สิ่งที่ฝันไว้ ซึ่งเป้าหมายของแต่ละคนจะแตกต่างกันไปแต่ไม่ว่าเป้าหมายของคุณจะเป็นอะไร อย่าลืมกำหนดเป้าหมายทางการเงินให้สอดคล้องกับเป้าหมายชีวิตด้วย เพราะหากไม่มีเงิน เป้าหมายที่ฝันไว้ก็คงจะเป็นไปได้ยาก 
จากนั้นก็ถึงเวลา “สร้างแผนการเงิน”
ให้เป็นรูปธรรม พร้อม "ปฏิบัติตามแผนอย่าง
มีวินัย” เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายที่ฝันไว้

อย่าปล่อยให้กิเลสครอบงำทำลายแผนการเงิน
ให้ล้มลงไม่เป็นท่า

สุดท้าย... ต้องหมั่น “ทบทวนและปรับปรุงแผนอย่างสม่ำเสมอ” เพื่อให้การเดินทางไปยังเป้าหมายใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด

คุณคิดว่า... ขั้นตอนไหนยากที่สุดสำหรับคุณ?

http://health-tu.blogspot.fr/

10 นิสัยยอดแย่ทางการเงิน... ที่ต้องรีบแก้ไข




 1.ไม่วางแผนการเงิน ไม่มีเป้าหมายทางการเงินทั้งในระยะสั้นและระยะยาว


2.ใช้จ่ายแบบไม่วางแผน ทั้งการจ่ายซื้อของชิ้นใหญ่และซื้อของกินของใช้ในชีวิตประจำวัน


3.ไม่รู้ว่ามีเงินสดเท่าไร เพราะได้เงินมาก็ใช้ไป เงินหมดก็กด ATM ไปเรื่อยๆ


4.ไม่รู้ว่าใช้เงินเดือนละเท่าไร ไม่รู้ว่าใช้จ่ายเป็นค่าอะไรบ้าง


5.เหนียวหนี้ โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิต เพราะการจ่ายหนี้ขั้นต่ำจะทำให้ต้องจ่ายดอกเบี้ยมหาศาล


6.ใช้ก่อนเก็บ เพราะมักลงเอยด้วยการใช้เงินจนหมดไม่เหลือเก็บ


7.จนแต่ไม่เจียม ชอบใช้จ่ายเงินเกินตัว มีรสนิยมสูงเกินรายได้
 

8.ไม่สนใจดอกเบี้ย ค่าปรับหรือค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่าย 
  

9.ลงทุนแบบไม่มีความรู้ ลงทุนตามข่าว ตามกระแส ไม่มีความรู้ ความเข้าใจเรื่องการลงทุนดีพอ
 

10.ไม่มีการจัดสรรสินทรัพย์หรือ Asset Allocation ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการเพิ่มพูนความมั่งคั่ง 

 

คุณล่ะ... มีนิสัยที่ไม่ค่อยดีทางการเงินกี่ข้อ? แล้วคุณจะปรับปรุงอย่างไร?

http://health-tu.blogspot.fr/