ค้นหาบล็อกนี้

วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ผ่อนหนี้เท่าไหร่... ไม่หนักเกินไป



ในยุคที่ “หนี้” กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนส่วนใหญ่ “การมีหนี้” จึงไม่ใช่เรื่องเสียหายร้ายแรง อีกต่อไปหากรู้จักควบคุมหนี้ให้พอเหมาะพอดี เพราะ “หนี้” ไม่ต่างอะไรกับไขมันในเส้นเลือด หากปล่อยให้มีมากเกินไป ย่อมเป็นอันตรายต่อสุขภาพ (ทางการเงิน) ของตัวคุณเอง 
 
ลองมาดูกันว่า... ในแต่ละเดือน เราควรชำระหนี้ประมาณเท่าไหร่จะได้ไม่เป็นภาระมากจนเกินไป

1.หนี้บัตรเครดิต
พยายามควบคุมการรูดบัตรและการชำระหนี้อื่นๆ อย่างสินเชื่อส่วนบุคคลหรือผ่อนสินค้า ไม่ให้เกิน 10% - 20% ของรายได้

2.หนี้ผ่อนบ้าน
ค่าใช้จ่ายในการผ่อนบ้านที่เหมาะสม ไม่ควรเกิน 30% ของรายได้ แต่ถ้าคุณไม่มีภาระหนี้สินอื่นๆ ก็สามารถ
เพิ่มเป็น 50% ได้ เพราะยิ่งคุณผ่อนมากเท่าไหร่ หนี้ก็ยิ่งหมดเร็วเท่านั้น

3.หนี้ผ่อนรถ
จำนวนเงินที่ใช้ผ่อนรถในแต่ละเดือน ควรอยู่ราวๆ 20% ของรายได้ หากมากกว่านี้อาจหนักเกินไป

4.หนี้สินรวม
ไม่ว่าคุณจะกู้ซื้อบ้าน กู้ซื้อรถ เป็นหนี้บัตรเครดิต หรือหนี้สายพันธุ์ไหนก็ตาม ไม่ควรให้เงินที่ต้องจ่ายหนี้ทั้งหมด
เกินกว่า 50% ของรายได้ 

ในแต่ละเดือนคุณชำระหนี้สินทั้งหมดเท่าไหร่? มากกว่า 50% หรือเปล่า?

http://investment290222.blogspot.com/

http://health-tu.blogspot.fr/

7 เทคนิคเพิ่มเงินออม


1.ออมทีละน้อย ค่อยๆ ออมไม่ต้องรอมีเงินเยอะๆ แล้วจะออมเยอะๆ ยิ่งเงินน้อย ยิ่งต้องรีบออม 

2.เริ่มออมให้เร็วที่สุด เพื่อสร้าง Money Snowball ก้อนโตๆ จากระยะเวลาการออม

3.สร้าง “บัญชีต้องห้าม” เป็นบัญชีเงินออมโดยเฉพาะเพื่อลดการถอนเงินออกมาใช้ตามอำเภอใจ 

4.กำหนดตารางการออม คือ ทำเป็นประจำจนเป็นนิสัย เช่น ทุกวันศุกร์ ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน

5.เปลี่ยนงานอดิเรกให้เป็นเงินโดยใช้พรสวรรค์บวกความมุ่งมั่นเพื่อเพิ่มเงินออมและความสุขใจ 

6.ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เพื่อลดการฟุ้งซ่านจากความอยากได้และลดเวลาในการ Shopping
 
7.เปรียบเทียบหาผลตอบแทนที่ดีที่สุด เพื่อไม่ให้เงินออมต้องสึกหรอไปเพราะเงินเฟ้อ

เทคนิคทั้ง 7 ข้อนี้ หากตั้งใจทำจริงจัง รับรองไม่มีข้อใดยากเลยในการเพิ่มเงินออมให้เติบโตอย่างที่ตั้งใจ


เงินออมของคุณล่ะ... เติบโตอย่างที่ตั้งใจไว้หรือไม่

 http://health-tu.blogspot.fr/
 

พลังแห่งดอกเบี้ย... เพียงวันละ 20 บาท ก็มีเงินแสนได้


ทราบหรือไม่... ว่าคุณสามารถมีเงินแสนได้ ด้วยการออมเพียงวันละ 20 บาท หรือเดือนละ 600 บาท
 
เงิน 600 บาทนั้น คุณใช้แป๊ปเดียวก็หมดแล้ว แต่ถ้าคุณไม่ใช้ แถมยังฝากธนาคารทุกเดือนอย่างสม่ำเสมอ โดยได้รับดอกเบี้ย 2% ต่อปี... ภายใน 1 ปี คุณจะมีเงินเก็บถึง 7,344 บาท และหากคุณออมต่อไปเรื่อยๆ อีกเพียง 15 ปี คุณจะมีเงินเกือบ 130,000 บาท โดยไม่ทันรู้ตัว!!!

ด้วยเงินออมเพียง 20 บาทต่อวัน ไม่ใช่เรื่องยากเลย... สำหรับนักออมมือใหม่อย่างคุณ แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ
วินัยในการออมของนักออม” เมื่อทราบเช่นนั้นแล้ว ก็ควรเร่งทำการออม เพื่อจะได้เป็นเศรษฐีในอนาคต

วันนี้คุณเริ่มออมเงินวันละ 20 บาทแล้วหรือยัง
 
http://investment290222.blogspot.com/

http://health-tu.blogspot.fr/

ศัตรูของเงินออม


ในยุคที่ข้าวของทุกอย่างพร้อมใจกันปรับขึ้นราคาอย่างนี้ นอกจากต้องระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายแล้ว คุณยังควร เก็บออมเงินไว้ใช้จ่ายในอนาคตด้วย แต่ก่อนจะออม... ลองมาทำความรู้จักกับ “ศัตรูของเงินออม” กันก่อนดีกว่า
จะได้เตรียมรับมือเสียตั้งแต่เนิ่นๆ

เงินเฟ้อ
เป็นตัวกัดกร่อนค่าของเงินให้ลดลง ศัตรูตัวนี้คุณไม่สามารถกำจัดได้ แต่คุณสามารถเอาชนะได้ด้วยการออม หรือการลงทุนที่ให้อัตราผลตอบแทนโดยเฉลี่ยสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ 

เหตุการณ์ไม่คาดฝันหรือเหตุฉุกเฉิน

ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ เจ็บไข้ได้ป่วย ไฟไหม้ รถชน ฯลฯ ที่อยู่นอกเหนือแผนการใช้เงิน มีหลายคนที่เงินออมที่เก็บ สะสมมาตลอดชีวิตต้องหายเกลี้ยงเพราะเรื่องเหล่านี้ แต่คุณสามารถปกป้องชีวิตและเงินออมของคุณได้ด้วยการ
ทำประกัน

ความไม่มีวินัยในการออม

เป็นสิ่งที่เกิดจากตัวเราเอง สามารถกำจัดได้แต่ยาก เพราะถูกฝังรากจนกลายเป็นนิสัย ทางแก้ที่ทำได้ คือ
ต้องออมให้เป็นเหมือนหน้าที่ที่ต้องทำทุกวัน 

ความโลภ

บางคนโลภมาก อยากได้ผลตอบแทนสูงๆ จึงนำเงินทั้งหมดไปลงทุนในสิ่งที่มีความเสี่ยงสูงจนต้องกลับมาเริ่มต้นออมใหม่ ทางเดียวที่จะรักษาเงินออมของคุณให้ปลอดภัยได้ คือ ต้องรู้จักพอ รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และรับ
ความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน

คุณคิดว่าศัตรูของเงินออมตัวไหนน่ากลัวที่สุดสำหรับคุณ?

http://investment290222.blogspot.com/

http://health-tu.blogspot.fr/
 

ทำไมต้องวางแผนการเงิน



เพราะ “เงิน” มีบทบาทสำคัญไม่เฉพาะการเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน หรือเป็นเครื่องวัดค่าสิ่งของต่างๆ แต่เงินยังสามารถสะสมเพื่อเพิ่มค่าได้ในอนาคต “การวางแผนการเงิน” อย่างเหมาะสมจะช่วยให้เราสามารถ จัดการกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการบรรลุเป้าหมายชีวิต

และเพราะ “เงิน” เข้ามามีส่วนช่วยอำนวยความสะดวกในการหาซื้อสิ่งของ
จำเป็นสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน เราจึงควรให้ความสำคัญกับการวางแผนการเงิน
เหมือนเป็นกิจกรรมหนึ่งในชีวิตประจำวัน เพื่อให้มีชีวิตที่ดี และมีความสุข
ในบั้นปลายชีวิต

อาจเป็นเพราะคนส่วนใหญ่ค้นเคยกับ “การใช้เงิน” ก่อนที่จะ “หาเงินได้”
โดยพ่อแม่ ผู้ปกครอง ให้เงินเราใช้ตั้งแต่เรายังเป็นเด็ก เราจึงมีความสุขจากการ
ใช้เงินทั้งที่ยังหาเงินไม่ได้ ต่อมาเมื่อเราหาเงินได้เองการจากทำงาน
ปัญหาทางการเงินจึงเกิดขึ้น เพราะคิดว่าการหาเงินได้มากขึ้นจะสร้างความสุข
ความสะดวกสบายในชีวิตได้มากขึ้น แต่กลายเป็นว่าเงินที่หาได้เพิ่มขึ้น
กลับไม่เคยเพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเลย

 
การไม่รู้จักบริหารจัดการค่าใช้จ่ายของตนเองให้เหมาะกับเงินที่หามาได้ การใช้เงินโดยไม่มีเป้าหมาย
ทางการเงินอย่างเหมาะสม การไม่รู้จักทางเลือกในการรักษาและเพิ่มมูลค่าของเงิน รวมทั้งความไม่มีวินัยทางการเงินอาจทำให้เราต้องทำงานหนักไปตลอดทั้งชีวิตเพียงเพื่อให้มีเงินใช้จ่ายเฉพาะหน้า

การวางแผนการเงินเป็นทักษะชีวิตที่จำเป็นสำหรับทุกคน เราควรมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการวางแผนการเงินของตนเองอย่างรอบด้าน ทั้งในการหาเงิน การใช้เงิน การเก็บรักษา และการเพิ่มมูลค่าเงินอย่างชาญฉลาด ทีสำคัญเราต้องลงมือปฏิบัติ เพื่อสร้างนิสัยทางการเงินที่ดี... ใครอยากสบายทั้งในวันนี้และวันข้างหน้า คงต้องเริ่มวางแผนการเงินตั้งแต่เดี๋ยวนี้

คุณล่ะ... คิดจะวางแผนการเงินบ้างหรือยัง?


http://health-tu.blogspot.fr/

วางแผนการเงิน... เริ่มต้นอย่างไร


 คนส่วนใหญ่พอจะไปเที่ยวก็เริ่มจินตนาการไปไกล... อยากไปเที่ยวไหน จะไปกับใคร จะไปอย่างไร จะพกเงิน


ไปเท่าไหร่ จะไปกี่วัน ฯลฯ สารพัดสารพันคำถามที่ผุดขึ้นมาในสมอง หากใครที่เตรียมตัวและวางแผนมาอย่างดี ย่อมได้ชมของดี ได้ชิมของดัง ทั้งยังไม่พลาดจุดสำคัญต่างๆ เรียกได้ว่าเที่ยวกันอย่างคุ้มค่าเลยทีเดียว

การวางแผนการเงิน” ก็เหมือนกับการวางแผน
ท่องเที่ยวที่ต้องมีจุดสตาร์ทในใจก่อน จึงจะสามารถเดินทาง สู่เป้าหมายที่ต้องการได้โดยไม่หลงทาง ซึ่งขั้นตอนการวางแผนก็ไม่่ยากเย็นอะไร เพียงเริ่มจาก...

สำรวจตนเอง” เพื่อให้รู้ว่า “ตอนนี้สุขภาพทางการเงินของเราเป็นอย่างไร” ฟิตหรือฟุบ “แล้วสถานะทางการเงิน ล่ะ... เป็นอย่างไร” เงินออมท่วมหรือหนี้ท่วม

ต่อมาจึงเริ่ม “กำหนดเป้าหมาย” เพราะเป้าหมายจะคอยนำทางให้คุณไปสู่สิ่งที่ฝันไว้ ซึ่งเป้าหมายของแต่ละคนจะแตกต่างกันไปแต่ไม่ว่าเป้าหมายของคุณจะเป็นอะไร อย่าลืมกำหนดเป้าหมายทางการเงินให้สอดคล้องกับเป้าหมายชีวิตด้วย เพราะหากไม่มีเงิน เป้าหมายที่ฝันไว้ก็คงจะเป็นไปได้ยาก 
จากนั้นก็ถึงเวลา “สร้างแผนการเงิน”
ให้เป็นรูปธรรม พร้อม "ปฏิบัติตามแผนอย่าง
มีวินัย” เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายที่ฝันไว้

อย่าปล่อยให้กิเลสครอบงำทำลายแผนการเงิน
ให้ล้มลงไม่เป็นท่า

สุดท้าย... ต้องหมั่น “ทบทวนและปรับปรุงแผนอย่างสม่ำเสมอ” เพื่อให้การเดินทางไปยังเป้าหมายใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด

คุณคิดว่า... ขั้นตอนไหนยากที่สุดสำหรับคุณ?

http://health-tu.blogspot.fr/

10 นิสัยยอดแย่ทางการเงิน... ที่ต้องรีบแก้ไข




 1.ไม่วางแผนการเงิน ไม่มีเป้าหมายทางการเงินทั้งในระยะสั้นและระยะยาว


2.ใช้จ่ายแบบไม่วางแผน ทั้งการจ่ายซื้อของชิ้นใหญ่และซื้อของกินของใช้ในชีวิตประจำวัน


3.ไม่รู้ว่ามีเงินสดเท่าไร เพราะได้เงินมาก็ใช้ไป เงินหมดก็กด ATM ไปเรื่อยๆ


4.ไม่รู้ว่าใช้เงินเดือนละเท่าไร ไม่รู้ว่าใช้จ่ายเป็นค่าอะไรบ้าง


5.เหนียวหนี้ โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิต เพราะการจ่ายหนี้ขั้นต่ำจะทำให้ต้องจ่ายดอกเบี้ยมหาศาล


6.ใช้ก่อนเก็บ เพราะมักลงเอยด้วยการใช้เงินจนหมดไม่เหลือเก็บ


7.จนแต่ไม่เจียม ชอบใช้จ่ายเงินเกินตัว มีรสนิยมสูงเกินรายได้
 

8.ไม่สนใจดอกเบี้ย ค่าปรับหรือค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่าย 
  

9.ลงทุนแบบไม่มีความรู้ ลงทุนตามข่าว ตามกระแส ไม่มีความรู้ ความเข้าใจเรื่องการลงทุนดีพอ
 

10.ไม่มีการจัดสรรสินทรัพย์หรือ Asset Allocation ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการเพิ่มพูนความมั่งคั่ง 

 

คุณล่ะ... มีนิสัยที่ไม่ค่อยดีทางการเงินกี่ข้อ? แล้วคุณจะปรับปรุงอย่างไร?

http://health-tu.blogspot.fr/ 

วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ข้าราชการออมเงินเดือนละ 5,000 บาท จะนำไปลงทุนกองทุนใดที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่าครับ ?


ข้าราชการออมเงินเดือนละ 5,000 บาท จะนำไปลงทุนกองทุนใดที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่าครับ ?


ตอนนี้อายุ 25 ปี ทำงานมาได้ครึ่งปี เป็นข้าราชการอยู่ส่วนภูมิภาค และเงินเดือนกำลังจะได้รับการปรับฐานและค่าครองชีพใหม่ขึ้นเป็น 15,000 บาท
 
รวมรายได้เบ็ตเตล็ดที่ได้รับจากเบี้ยเลี้ยงไปราชการ และรายได้จากวิทยากรกิจกรรม รวมประมาณ 20,000 บาทได้
ปกติตัวเองจะออมกับ กบข./สหกรณ์กรมฯ/กองทุนสวัสดิการข้าราชการจังหวัดที่ถูกหักไปรวมร้อยละ 10 ของรายได้ข้างต้นแล้วตั้งใจว่าจะเก็บเงินไว้เดือนละ 5,000 บาท



สำหรับการออมเพื่อสร้างความมั่นคงในอนาคตและเป็นเงินสำรองในกรณีจำเป็น โดยได้ศึกษาข้อมูลในระดับหนึ่งแล้ว และมีความสนใจในเรื่องกองทุนรวม แต่ยังไม่รู้ว่าจะลงในตัวไหนดีแต่ในอดีตเคยลงทุนใน SCBSFF มาแล้ว เห็นผลดีพอควร แต่ก็ต้องเลิกไป เพราะต้องใช้เงินก้อนนั้นมายังชีพช่วงตกงาน เลยขอคำแนะนำจากผู้รู้ว่า


ควรจะนำเงินออมนั้นไปลงทุนในส่วนใด จึงจะเกิดผลตอบแทนที่คุ้มค่าในระยะยาว ขอบคุณทุกท่านครับ


กรณีศีกษานี้เงินลงทุนไม่มากในแต่เดือน ผู้เขียนขอแนะนำ แบบส่วนตัวว่า......ที่มองเห็นการตอบแทนที่ดีมาก และใช้ลงทุนไม่ถึง 5000 บาท และมีการปันผลทุกเดือน และในรูปแบบการปันผลต่างๆ / ปี ต้องศึกษากันลงไปอีก


สำหรับตัวเราแล้ว การลงทุนในฝันต้องสามารถสร้างผลตอบแทนได้มหาศาล และต้องลงทุนเพียงนิดเดียว แล้วก็ต้องใช้เวลานิดเดียวด้วยครับ หรืออย่างน้อยก็ต้องปิดประตูขาดทุนไปได้เลย ยิ่งทำต้องมีแต่ยิ่งกำไร ไม่ใช่ยิ่งทำยิ่งขาดทุน ต่อไปนี้เราจะแนะนำการลงทุนในแบบฉบับของตัวเราเอง เป็นการลงทุนที่ฉันสนใจ ที่ฉันลงทุนอยู่ เพื่อให้เพื่อนๆ ที่มีความฝันทุกคน ได้ศึกษา เป็นแนวทาง สามารถทำตามได้ และประสบผลสำเร็จ มีเงินทองมากมายจากการลงทุน ทุกคน

ใครกันที่มีเงินและฉลาดทางการเงินมากกว่า คนที่ทำงานหนักเพื่อแลกกับเงิน หรือคนมีเงินใว้ทำงานแทนเขา ?
มาใช้เงินทำงานให้เราดีกว่าค่ะ ทำไมเราต้องรอ? ชีวิตนี้สั้นนักหนา ! ทำสิ่งนี้เพื่อคนที่เรารักดีกว่าค่ะ !!

สูตรลับ :รวยลัด : รวยเร็ว ถูกต้องตามกฏหมายทุกประการ ซึ่งใช้เงินเพียง 2,500 B/M

 
1.ค่าธรรมเนียมลงทะเบียน 500 บาท กับบริษัท แล้วรับรหัสการลงทุนส่วนตัวมา หลังจากนั้น เราก็นำเงินลงทุนหรือ ออมเงิน กับ สูตรลับ :รวยลัด : รวยเร็ว 2500 บาท ท่านจะได้สินค้ามาใช้ในราคา 2500 บาท ที่จ่ายไป เดือนแรกเราจะยังไม่มีเงินเดือนค่ะ แต่ทางบริษัท จะส่งcash voucher มาให้ที่บ้าน เพื่อนำมาแลกซื้อสินค้าที่บริษัทได้เลยค่ะ

2.เดือนที่ 2....นำ cash voucher ที่ทางบริษัท ส่งมาให้นั้นไปแลกซื้อสินค้าที่บริษัท และนำเงิน 2500 บาท ลงทุน หรือ ออมเงิน พร้อมรับสินค้าไปใช้เหมือนแรกค่ะ ในเดือนนี้เราแนะนำคนอื่นจำนวน 4 คนให้ทำเหมือนกับเราเดือนแรกค่ะ ในเดือนที่ 2 คุณจะได้รับเงินเดือน หรือเงินปันผล 500บาทค่ะ

3.เดือนที่ 3.... นำเงิน 2500 บาท ลงทุน หรือ ออมเงิน พร้อมรับสินค้าไปใช้เหมือนแรกค่ะ ในเดือนนี้เราแนะนำคนอื่น1 คนค่ะ ในเดือนที่ 3 คุณจะได้รับเงินเดือน หรือเงินปันผล 1,080 บาทค่ะ 

 
4.เดือนที่ 4.... นำเงิน 2500 บาท ลงทุน หรือ ออมเงิน พร้อมรับสินค้าไปใช้เหมือนแรกค่ะ ในเดือนนี้เราแนะนำคนอื่น1 คนค่ะ ในเดือนที่ 4 คุณจะได้รับเงินเดือน หรือเงินปันผล 15,680 บาทค่ะ

(ในเดือนนี้ ลองมาคิดดูนิดนึงค่ะ เราใช้เงินลงทุนไปแล้ว 2500*4= 10,000 บาท แต่เดือนที่ 4 เราได้เงินเดือนหรือเงินปันผล 15,680-10,000 ที่ลงทุนไปใน4เดือน = 5,680 คือกำไรของเดือนนี้ กำไรที่ได้จะมีตั่งแต่เดือนที่ 4 เป็นต้นไป )


5.เดือนที่ 5.... นำเงิน 2500 บาท ลงทุน หรือ ออมเงิน พร้อมรับสินค้าไปใช้เหมือนแรกค่ะ ในเดือนนี้เราแนะนำคนอื่น1 คนค่ะ ในเดือนที่ 5 คุณจะได้รับเงินเดือน หรือเงินปันผล 53,680 บาทค่ะ 
 

6.เดือนที่ 6.... นำเงิน 2500 บาท ลงทุน หรือ ออมเงิน พร้อมรับสินค้าไปใช้เหมือนแรกค่ะ ในเดือนนี้เราแนะนำคนอื่น1 คนค่ะ ในเดือนที่ 6 คุณจะได้รับเงินเดือน หรือเงินปันผล 458,380บาทค่ะ 
 




7.เดือนที่ 7.... นำเงิน 2500 บาท ลงทุน หรือ ออมเงิน พร้อมรับสินค้าไปใช้เหมือนแรกค่ะ ในเดือนนี้เราแนะนำคนอื่น1 คนค่ะ ในเดือนที่ 7 คุณจะได้รับเงินเดือน หรือเงินปันผล 1,030,280 บาทค่ะ 
 



เงินที่เราใช้ลงทุน หรือ ออมเงินทั้งหมดทั้งสิ้นคือ 

500 = ค่าธรรมเนียมลงทะเบียน 500 บาท
กับบริษัท
2,500 * 7เดือน =17,500 ที่ลงทุน หรือ ออมเงิน
รวมทั้งสิ้น 18,000 บาทค่ะ 
 
เงินจำนวนนี้อาจมีค่ากับคนที่เรารักมากมาย ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้มันถูกที่ถูกทางรึป่าวค่ะ
หลังจากนั้น เรามาลองดูกันว่า การลงทุนครั้งนี้วิเศษยังไง
1,030,280 - 18,000 =1,012,280 บาท ที่มีแต่ความมั่งคั่ง 
และรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นทุกๆเดือน

และยังไม่มีแค่นี้ ถ้าคุณสนใจว่าทำได้ยังไง และรายละเอียดเพิ่มเติม



..หลายท่านอ่านมาถึงจุดนี้แล้วคงคิดในใจว่า..โห !ลงทุน หรือ ออมเงินบ้า!อะไรว่ะเนี่ย จะได้เยอะขนาดนี้ อิอิอิ..อยากรู้รายละเอียดว่าลงทุน หรือ ออมเงินบ้าอะไรเนี่ย!

Answer: คำตอบ : มันเป็นการลงทุน หรือ ออมเงินในบริษัทของธุรกิจเครือข่าย ซึ่งหลายๆท่านคงรู้ดีว่า แผนธุรกิจนี้มันเอื้อประโยชน์ให้กับเรามากเช่นไร แต่เมื่อมองในมุมเรื่องการขายแล้ว หลายก้อท้อใจเหมือนคนเขียน เพราะโดยส่วนตัวแล้วก้อไม่สันทัดเช่นกัน แต่เมื่อมองด้านการลงทุน และการออมแล้ว มันช่างน่าสนใจมากทีเดียว!! ซึ่งรวมไปถึงกองทุนบ้าน กองทุนการศึกษา กองทุนท่องเที่ยว และอื่นๆอีกมากมาย ที่น่าสนใจ แถมเงินปันรายผลปีด้วย 


เมื่อเทียบกับการลงทุนในรูปแบบต่างๆ ที่ เราต้องอาศัยจำนวนเงินในหลักแสน ถึงหลักล้าน ขึ้นไป และประสบการณ์ในการไตร่ตรอง แต่นี่เค้าคิดคำนวณ สูตรแห่งอิสระภาพทางการเงินที่ทุกคนก้อสามารถที่จะทำและก็รวยและก็รวยได้เท่าเทียมกัน รวมไปถึงกฏเกณฑ์ก็น้อยกว่ามาก ปราศจากความเสี่ยงและเราเองก้อไม่ต้องออกไปขายของให้เสียค่ะรถ ค่าน้ำมัน ค่าจิปาถะ อีกมากมาย หลายๆท่านคงพอจะนึกออกนะค่ะ!!! 

P:S:ที่สำคัญที่สุดคือเราสามารถ มอบรายได้นี้จากรุ่นสู่รุ่นลูกของเราได้ด้วย ซึ่งการลงทุนอย่างอื่นไม่สามารถทำได้เลย !!!



เทียบกับการลงทุนเปิดนร้านต่างๆ อาทิเช่น เสื้อผ้า รองเท้า จิปาถะ ตลาดหุ้น ตราสารการเงินต่างๆ อนุพันธุ์ซึ่งต้องให้บุคคลที่เชี่ยวชาญช่วยและต้องจ่ายค่าต่างๆ ทำอย่างนี้ดีกว่าเยอะมากกกกก!!!!!

เทียบกับการซื้อประกันสะสมทรัพย์ของระบบธนาคารแบบรายปี และ เทียบกับการออมของระบบธนาคาร และพนักงานธนาคารแนะนะเรา

ที่ต้องรอเงินปันผลที่ยาวนานมากกกก! แถมเราจะอยู่มีชีวิตได้ใช้เงินนั่นรึเปล่ายังไม่รู้เลยค้าาาา จะฝากเงินแบบฝากประจำ ดอกเบี้ยมันก็นิดเดียว กว่าจะเก็บเงินได้ท แล้วจะได้ดอกเบี้ยที่สามารถทีกระแสเงินสดและมีอิสระภาพทางการเงิน สงสัยผมเราคงหลายสี อิอิอิ!!! 

รายละเอียดที่เจาะลึกลงไปถามที่นี่ได้เลย
dasisspa@gmail.com

http://health-tu.blogspot.fr/

ลงทุนเท่าไหร่ จึงจะเหมาะสม ?


ลงทุนเท่าไหร่ จึงจะเหมาะสม ?


“เงินลงทุน” ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่ง ถ้าไม่มีเงิน ก็ไม่สามารถที่จะลงทุนได้ การกำหนดจำนวนเงินลงทุนที่เหมาะสมจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการลงทุน เพราะการนำเงินออมหรือเงินสำหรับการใช้จ่ายมาลงทุนมากเกินไป อาจทำให้เราประสบปัญหาการขาดสภาพคล่อง กดดันตัวเองมากเกินไป

ในขณะที่การจัดสรรเงินเพื่อการลงทุนที่น้อยเกินไป อาจทำให้เสียโอกาสในการสร้างผลตอบแทนตามที่ควรจะได้รับ ซึ่งการจัดสรรเงินสำหรับการลงทุนในสัดส่วนที่เหมาะสมจะทำให้การลงทุนของเราเป็นไปอย่างสมดุล

ข้อควรคำนึงในการจัดสรรเงินเพื่อการลงทุน คือ ต้องวางแผนและจัดการกับความเป็นอยู่ขั้นพื้นฐาน ตลอดจนภาระ
ทางการเงินด้านอื่นๆ ที่ตนเองมีอยู่ในชีวิตให้เรียบร้อยเสียก่อน ซึ่งได้แก่.

1.เงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน

ถือเป็นเงินก้อนแรกที่คุณควรจะกันออกจากรายได้ เพื่อเอาไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน โดยผู้เชี่ยวชาญทางการเงินต่างเห็นพ้องต้องกันว่า คนเราควรมีเงินเก็บสำรองไว้เผื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน เท่ากับค่าใช้จ่ายรายเดือนรวมกัน3 - 6 เดือนเป็นอย่างน้อย ยกตัวอย่างเช่น หากเรามีภาระค่าใช้จ่ายประมาณเดือนละ 10,000 บาท เราก็ควร ที่จะมีเงินเก็บสำรองเผื่อฉุกเฉินไว้อย่างน้อย 30,000 - 60,000 บาท ซึ่งเงินสำรองดังกล่าวนี้ควรเก็บอยู่ใน รูปแบบการออมที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด และมีสภาพคล่องสูง โดยสามารถเบิกใช้ได้ในทันทีที่เราต้องการเช่น ฝากไว้ในบัญชีออมทรัพย์กับธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น

2.เงินสำหรับใช้จ่ายในการดำเนินชีวิต

เป็นรายการที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการดำเนินชีวิตของคุณและครอบครัว ซึ่งได้แก่ ค่าอาหาร ค่าโทรศัพท์ ค่าเดินทาง ค่าเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ค่าพักผ่อนหย่อนใจ เป็นต้น ถือเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ เพราะเป็น ส่วนที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการดำรงชีวิตขั้นพื้นฐาน
 

3.ภาระหนี้สิน

เป็นรายการที่เกิดขึ้นในกรณีที่มีการกู้ยืมเงิน จึงเป็นพันธะผูกพันทางการเงินตามกฎหมายที่ผู้กู้จะต้องรับผิดชอบโดยต้องจ่ายคืนเงินต้นและดอกเบี้ยตามเงื่อนไขที่ได้ระบุอยู่ในสัญญาการกู้ยืม หากเรากู้ยืมเงินและไม่ปฏิบัติตามสัญญา อาจเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาภายหลังได้ เช่น ถูกยึดทรัพย์สิน หรือถูกฟ้องล้มละลาย เป็นต้น

4.เงินประกัน

เป็นรายการที่เกิดขึ้นในกรณีที่เราต้องการเตรียมพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนหรือความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น ในอนาคต เช่น เงินประกันชีวิต เงินประกันอุบัติภัย เงินประกันสุขภาพ เป็นต้น จัดเป็นส่วนที่ใช้สำหรับสร้างหลักประกันในชีวิตให้แก่ทั้งตัวคุณและครอบครัวได้เป็นอย่างดี

5.เงินสำหรับแผนในอนาคต

เป็นเงินอีกส่วนหนึ่งที่มีไว้สำหรับแผนการต่างๆ ที่เราคาดหวังเอาไว้ในอนาคต ซึ่งขึ้นอยู่กัสถานการณ์ ความต้องการ และความจำเป็นของตัวเราเองเป็นหลัก เช่น เงินสำหรับการศึกษาต่อ เงินสำหรับการศึกษาของบุตร เงินสำหรับดาวน์บ้านหรือต่อเติมบ้าน เป็นต้น แน่นอนว่า... หากเรามีแผนการที่ชัดเจนเหล่านี้อยู่ในใจ ก็ควรที่จะวางแผนเก็บเงินเพื่อทำให้แผนการนั้นๆ เสร็จเรียบร้อยไปเสียก่อน
  
สิ่งสำคัญคือ ไม่ควรมีความคิดจะใช้เงินที่ได้รับจากการลงทุน มาใช้เพื่อจัดการกับภาระทางการเงินดังกล่าวข้างต้น เนื่องจากการลงทุนใดๆ ย่อมมีความไม่แน่นอนแฝงอยู่เสมอ และอาจทำให้เราประสบกับปัญหาทางการเงินได้ โดยเงินที่นำมาลงทุนควรเป็น “เงินส่วนที่เหลือ” หลังจากที่คุณได้เตรียม



การขั้นพื้นฐานสำหรับการดำรงชีวิต รวมถึงจัดการกับภาระทางการเงินด้านอื่นๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

http://health-tu.blogspot.fr/